น้ำมันชนิดไหน? เหมาะสมกับรถของเรา

ทุกวันนี้เวลาที่เรานำรถยนต์เข้าไปเติมน้ำมัน จะเห็นได้ว่าภายในสถานีบริการน้ำมันนั้น จะมีน้ำมันแยกประเภทเป็นตัวเลือกให้เราเลือกเติมอยู่หลายประเภทด้วยกัน หลายคนจึงอาจมีคำถามตามมาก็ได้ว่าแล้วรถยนต์ที่เราใช้ขับอยู่ทุกวันนี้จริงๆ แล้วควรเติมน้ำมันประเภทไหนกันแน่?

ซึ่งน้ำมันแต่ละประเภทล้วนมีความแตกต่างกัน หลายครั้งที่เราเองจะเห็นว่ารถยนต์ประเภทเดียวกันนั้น แต่ผู้ใช้กลับเลือกที่จะเติมน้ำมันแตกต่างจากเราก็มี นั่นก็เพราะว่าเมื่อไรก็ตามที่เราใช้น้ำมันที่ไม่สอดคล้องกับรถยนต์เเละพฤติกรรมการใช้รถยนต์ของเรา แทนที่เราจะได้ประสิทธิภาพจากน้ำมันที่ใช้ กลับกลายเป็นการส่งผลเสียให้กับรถยนต์คันโปรดของเราแทนก็ได้ ดังนั้นวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับน้ำมันแต่ละประเภทเพื่อการใช้งานที่เหมาะสมกับรถยนต์ของเรากันครับ

แก๊สโซฮอล์

เรามาเริ่มกันที่แก๊สโซฮอล์กันก่อนครับ โดยน้ำมันชนิดนี้ คือ การนำน้ำมันเบนซินและเอทิลแอลกอฮอล์หรือเอทานอลมาผสมกันจนกลายเป็นน้ำมันนั่นเองครับ ซึ่งประเภทของน้ำมันแก๊สโซฮอล์นั้น มีด้วยกัน 4 ประเภทดังนี้ครับ

แก๊สโซฮอล์ 91

น้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จากการนำน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วผสมกับ เอทานอล หรือเอทิแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 99.5% ในอัตราส่วน 10 % จึงได้ออกมาเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอลออกเทน 91 โดยยังคงคุณสมบัติในการใช้งานกับเครื่องยนต์ เช่นเดียวกับน้ำมันเบนซินออกเทน 91

แก๊สโซฮอล์ 95

น้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จากการนำน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วผสมกับเอทานอล หรือเอทิแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 99.5% ในอัตราส่วน 10% เพื่อทดแทนสาร MTBE (Methyl Tertiary Butyl Ether) จึงได้ออกมาเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอลออกเทน 95 โดยยังคงคุณสมบัติในการใช้งานกับเครื่องยนต์ เช่นเดียวกับน้ำมันเบนซินออกเทน 95

สำหรับคนที่ต้องการเติมน้ำมันประเภทแก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 ควรศึกษาให้ดีก่อนว่ารถของเราสามารถเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ได้หรือไม่? เพราะน้ำมันชนิดนี้จะเติมได้เฉพาะรุ่นที่ระบุไว้ว่าสามารถใช้น้ำมันชนิดนี้ได้เท่านั้น ซึ่งข้อควรระวังที่ไม่ควรเติมน้ำมันประเภทแก๊สโซฮอล์ก็คือ การที่เรามีพฤติกรรมการใช้รถที่น้อย ประมาณหนึ่งเดือนเอารถออกมาขับแค่ครั้งสองครั้ง ก็ไม่ควรเติมน้ำมันชนิดนี้ เพราะด้วยการที่น้ำมันชนิดนี้มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หากปล่อยทิ้งไว้นานๆ น้ำมันจะมีการระเหยเเละเสียได้นั่นเองครับ

แก๊สโซฮอล์ E20

สำหรับน้ำมันชนิดนี้คือน้ำมันที่มีส่วนผสมของออกเทน 95 80% ผสมกับเอทานอล 20% ให้ประสิทธิภาพการใช้งานไม่แตกต่างจาก แก๊สโซฮอล์ 91 เเละ95 เท่าใดนัก เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องประสิทธิภาพความแรงของเครื่องยนต์เท่าไร เน้นขับชิลล์ๆ หรือใช้งานในเมืองเป็นหลัก ที่สำคัญควรศึกษาก่อนว่ารถของเราสามารถเติมน้ำมันชนิดนี้ได้หรือไม่

แก๊สโซฮอล์ E85

มาต่อกันที่น้ำมันแก๊สโซฮอล์ชนิดสุดท้ายกันครับ สำหรับน้ำมันชนิดนี้คือน้ำมันที่มีส่วนผสมของน้ำมันออกเทน 95 15% ผสมกับเอทานอล 85% เป็นน้ำมันที่มีราคาถูกที่สุดในท้องตลาด สาเหตุที่มีราคาถูกเพราะปริมาณของน้ำมันเบนซินถูกลดทอนลงมาจนเหลือน้อยที่สุด ข้อดีคือเป็นพลังงานเชื้อเพลิงแบบประหยัด แน่นอนว่าด้วยราคาที่ถูกที่สุดประสิทธิภาพการขับขี่ย่อมไม่เน้นเรื่องความเเรงอยู่เเล้ว มีการระเหยสูงเพราะมีส่วนผสมของแอลกอฮอลมากที่สุดหากขับขี่ในระยะทางไกลเป็นระยะเวลานานจะรู้สึกได้ถึงการเผาไหม้ที่เร็วกว่าน้ำมันชนิดอื่น เรียกว่าเเม้จะมีราคาถูกแต่หากขับขี่นานๆ ก็ต้องเติมน้ำมันบ่อยกว่าชนิดอื่นๆ

เบนซิน 91 และ 95

มาต่อกันที่น้ำมันเบนซิน 91 และ 95 กันครับ โดยน้ำมันชนิดนี้จะเป็นน้ำมันที่ไม่มีส่วนผสมของ เอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งน้ำมันทั้ง 2 ชนิดนี้ให้ประสิทธิการใช้งานไม่ต่างกันมาก ให้ค่าออกเทนที่สูง

เบนซิน 91

โดยน้ำมันเบนซิน 91 ควรเติมกับรถยนต์ที่ไม่ได้ระบุว่าควรเติมแต่เพียงน้ำมันเบนซินออกเทน 95 เท่านั้น แต่ถ้าหากว่าเผลอนำรถยนต์ที่ต้องเติมเฉพาะเบนซิน 95 มาเติมน้ำมันเบนซิน 91 เคสเช่นนี้อาจทำให้รถยนต์ของเราเกิดอาการเครื่องยนต์สะดุดขณะขับขี่เวลาเครื่องเดินเบาไม่ราบเรียบแต่ยังสามารถใช้งานได้ครับ

เบนซิน 95

และสำหรับน้ำมันเบนซิน 95 นั้นเป็นน้ำมันที่สามารถเติมได้กับรถยนต์เบนซินทุกชนิด แน่นอนว่าราคาของน้ำมันเบนซิน 95 เป็นน้ำมันที่มีราคาสูงที่สุดในบรรดาประเภทของน้ำมันทั้งหมด แต่ไม่ว่าราคาจะแพงแค่ไหน ก็ยังมีหลายคนเลือกที่จะเติมน้ำมันชนิดนี้ เพราะค่าเงินที่แพงก็เเลกกลับมาด้วยประสิทธิภาพการจุดระเบิดสูงตอบสนองเครื่องยนต์ได้ดีที่สุดเช่นกันครับ

สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่ารถยนต์ของตัวเองจะต้องใช้น้ำมันประเภทไหน ก่อนอื่นเราสามารถเช็กได้ง่ายๆ จากคู่มือการใช้งานที่ติดมากับรถ หรือจะสอบถามเซลล์ที่จำหน่ายรถให้กับเราเบื้องต้นเพื่อรับคำแนะนำการใช้งานก็ได้เช่นกันครับ หากรถยนต์ของเราไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจะต้องใช้น้ำมันประเภทใดประเภทหนึ่งเท่านั้น เราก็สามารถเลือกใช้น้ำมันได้ตามความเหมาะสมกับการใช้งานของรถยนต์เลยครับ